NEWS

งานวิจัยจาก 3 ประเทศชั้นนำชี้ชัด ผู้บริโภคร้อยละ 86 สะดวกใจในการใช้เงินสด

งานวิจัยอิสระโดย GLORY ผู้นำด้านโซลูชันเทคโนโลยีเงินสดระดับโลก พบว่าผู้บริโภคยังคงชอบใช้เงินสดในการชำระเงิน และร้อยละ 74 เชื่อว่าเงินสดยังคงมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน

งานวิจัยซึ่งสำรวจในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และประเทศออสเตรเลีย ชี้ชัดว่าร้อยละ 86 สะดวกใจในการใช้เงินสด  และร้อยละ 48 ยังคงใช้เงินสดเป็นประจำทุกวัน

แม้ว่าการชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ และการแบบแตะสัมผัสจะเพิ่มมากขึ้น งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าเงินสดจะยังคงมีบทบาทสำคัญในอนาคตอันใกล้นี้และจะส่งผลอย่างมากต่อภาคร้านค้าปลีก

ทำไมประชาชนยังต้องการใช้เงินสด? ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และการมีตัวเลือก คือปัจจัยสำคัญ

มีเพียงร้อยละ 16 ที่คิดว่าการชำระเงินด้วยวิธีอื่น ปลอดภัยกว่าเงินสด ขณะที่ร้อยละ 61 ไว้วางใจการชำระด้วยเงินสดมากกว่าการชำระเงินผ่านมือถือ ร้อยละ 55 พบว่าพวกเขาไม่ชอบการมอบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ให้กับแคชเชียร์เพื่อทำการชำระเงินโดยแบบแตะสัมผัส

ด้านความสะดวกสบาย สองในสามกล่าวว่า พวกเขาเลือกวิธีชำระเงินแบบไหนก็ได้ที่ง่ายที่สุด

การชำระเงินแบบแตะสัมผัสจะสำคัญมากขึ้นสำหรับการใช้จ่ายในจำนวนเงินที่สูงขึ้น ในสหราชอาณาจักรร้อยละ 90 ของผู้บริโภคมักใช้ธนบัตรและเหรียญสำหรับการทำธุรกรรมตั้งแต่ 50 ปอนด์ลงไป

ร้อยละ 40 ล้มเลิกที่จะชำระเงินหากรูปแบบการชำระเงินที่ต้องการไม่สามารถใช้ได้ และร้อยละ 82 เชื่อว่าควรมีทางเลือกในการชำระด้วยเงินสดเสมอ

ผลการค้นพบที่สำคัญอื่น ๆ ของการวิจัย ได้แก่

• กว่าครึ่ง (58%) ของผู้บริโภคชาวอังกฤษในปัจจุบันใช้เงินสด ซึ่งใกล้เคียงหรือมากกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
• กว่าครึ่ง (56%) เชื่อว่าการนำธนบัตรโพลิเมอร์และเหรียญหนึ่งปอนด์แบบใหม่มาใช้ ทำให้เงินสดมีความปลอดภัยมากขึ้น
• ร้อยละ 58 ใช้เงินสดสำหรับการชำระเงินที่ผับ / บาร์ และร้อยละ 31 ใช้เงินสดในร้านขายของชำ

Sion Roberts รองประธานบริหาร ฝ่ายการค้าปลีกทั่วโลก Glory Global Solutions กล่าวว่า

“เงินสดยังคงเป็นวิธีการชำระเงินที่เชื่อถือได้  แน่นอนว่ายังคงอยู่ในใจและกระเป๋าสตางค์ของผู้ซื้อ และจะเป็นแบบนี้ต่อไปอีกนานหลายปี เงินสดมีความหมายสำคัญสำหรับร้านค้าจำนวนมาก เนื่องจากสภาพแวดล้อมการจัดการที่ยังไม่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัย ซึ่งนี่คือสิ่งที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน”

“งานวิจัยให้ความสำคัญกับทางเลือกในการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเงินสดสำหรับผู้บริโภคส่วนใหญ่ทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะสำหรับผู้ค้าปลีกที่ต้องการก้าวไปข้างหน้ายิ่งมีความหมายอย่างชัดเจน พวกเขาจำเป็นต้องสละเวลาและทรัพยากรมากขึ้นกับการจัดการเงินสดเพื่อสร้างผลกำไรให้กับองค์กร โดยการเพิ่มประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมของลูกค้าขณะทำธุรกรรม เพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดทางการเงินด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการพัฒนากระบวนการด้านการเงิน”

เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินคือสิ่งสำคัญที่อยู่ใกล้ตัวคนเรามากที่สุดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไรเราก็ต้องพกเงินไปเสมอแต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเงินที่เราจับจ่ายใช้สอยหมุนเวียนในกระเป๋าสตางค์ของเรานั้นเป็นธนบัตรจริงทั้งหมด ล่าสุดผู้บริหารหนุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการเงินสด เจได–ไตรนุภาพ จิระไตรธาร ประธานบริหาร บริษัท ครีเอตุส คอร์โปเรชั่น จำกัด บริษัทผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมและโซลูชั่นที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกมากว่า 37 ปี ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้เผยถึงเทคนิคการเปรียบเทียบระหว่างธนบัตรปลอมกับธนบัตรจริงถึงความแตกต่าง เพื่อลดความเสี่ยงที่เราอาจจะได้รับแบงค์ปลอมมาโดยไม่รู้ตัว

‘ผมมองว่าปัญหาแบงค์ปลอมเป็นเรื่องที่ทุกคนควรตระหนัก เพราะเงินเป็นสิ่งที่ผ่านมือเราทุกวันดังนั้นทุกคนจึงควรทราบวิธีเบื้องต้นในการสังเกตว่าแบงค์พันแบบไหนคือแบงค์ปลอม เพราะถ้าเราสามารถแยกได้ก็จะช่วยลดปัญหาการกระจายแบงค์ปลอมไปสู่ที่อื่น และยังช่วยให้ตัวเราไม่พบกับปัญหาการสูญเงินฟรีอีกด้วย’

ซึ่งวิธีการสังเกตธนบัตรปลอมด้วยตนเองง่ายๆ สามารถดูได้จาก ลายพิมพ์เส้นนูน บนธนบัตร ด้วยการสัมผัสตัวเลข และตัวอักษร หากเป็นธนบัตรปลอมจะมีความเรียบ ซึ่งต่างจากธนบัตรจริงที่มีความนูนกว่า

ถัดมาคือการสังเกต ลายน้ำ หากเป็นธนบัตรจริง หากยกส่องลายน้ำพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ และตัวเลข “๑๐๐๐” จะขึ้นอย่างชัดเจน แต่ถ้าเป็นธนบัตรปลอมในบางฉบับจะไม่สามารถทำตัวเลข “๑๐๐๐” ได้

ต่อมาคือการดูจาก แถบสี่เหลี่ยมเส้นประด้านข้างธนบัตร ด้วยการพลิกแถบธนบัตรขึ้นลงจะเห็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดเล็กสีม่วงแดงเคลื่อนไหวไปมา และเปลี่ยนสลับจากสีม่วงแดงเป็นสีเขียว ภายในแถบจะมีข้อความ “๑๐๐๐ บาท” ในขณะที่ธนบัตรปลอมจะมีแถบที่ลวดลายแตกต่างกัน หรือเป็นสีของธนบัตรชนิดอื่น

และสุดท้ายจากการสังเกตจาก ภาพซ้อนทับของตัวเลข ให้ยกธนบัตรส่องกับแสงสว่างจะมองเห็นเป็นตัวเลข “1000” ที่มุมบนซ้ายสมบูรณ์ โดยมีตัวเลขด้านหน้าและด้านหลังตรงกัน แต่ในขณะเดียวกันตัวเลขของธนบัตรปลอมจะมีการเหลื่อมกัน

ทุกครั้งที่รับธนบัตรมาก็อย่าลืมที่จะสังเกตจุดต่างๆตามที่ได้บอกไปข้างต้น แต่ขั้นตอนเหล่านี้ก็เป็นเพียงวิธีเบื้องต้นที่เหมาะกับคนที่มีเงินผ่านมือครั้งไม่มาก ซึ่งหากใครที่บ้านมีธุรกิจที่เงินสดต้องหมุนเวียนสูง โอกาสในการเจอแบงค์ปลอมก็จะมากขึ้น ดังนั้นหนุ่มเจไดเลยแนะนำให้ใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือในการตรวจสอบน่าจะดีที่สุด ซึ่งเครื่องตรวจนับมูลค่าเงินที่มีความแม่นยำสูงที่เจไดแนะนำนั้นคือ เครื่องนับมูลค่าเงิน GLORY รุ่น GFS-120 ที่ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเครื่องที่ธนาคารและศูนย์แลกเปลี่ยนเงินตราชั้นนำต่างเลือกใช้ พร้อมคุณสมบัติตรวจจับธนบัตรปลอมขณะนับมูลค่าธนบัตร และยังใช้ได้ถึง 7 สกุลเงินด้วยกัน ทั้งยังมีฝาเพื่อปิดป้องกันการกระจายของฝุ่นและเชื้อโรคจากธนบัตรอีกด้วย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง โทร. 02-296-9700